วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ลำดับขั้นและระบบสาย BJJ

                                                        ลำดับขั้นและระบบสาย BJJ
ผู้เขียน:     แปลมั่วโดย: Antimage
ใน BJJ ระบบสายนั้นจะเข้มงวดกว่าศิลปะการต่อสู้และป้องกันตัวอื่นๆทั่วไป ( ผู้แปล:ยูโดก็ยากนะ ) มันใช่เวลามากกว่า10ปีในการที่จะครองสายดำเลยทีเดียวเชียว
ขณะที่มีเพียงไม่กี่สายในชั้นระดับ แต่คุณต้องใช้เวลานานมาก นอกจากนี้ยังต้องดูความคืบหน้าใน
BJJ ของคุณอีกด้วย คุณต้องใช้เวลากับมันเป็นสัปดาห์เป็นเดือนในระดับชั้น  การที่จะได้รับค่าความสามารถและทักษะแบบก้าวกระโดด ก็จริงอยู่บางครั้ง มันดูแย่มากกว่าจะดูดี แต่ความสามารถคุณจะดูเหนือกว่าเพื่อนคุณแน่นอน และเป็นตัวบ่งชี้ความคืบหน้าของคุณ และมันยังเป็นแรงจูงใจ เมื่อเขาอยู่ในระดับที่สูงขึ้น และยังทำให้เรามีแรงเบิกทางไปในระดับที่สูงขึ้น


หลายปีที่ผ่านมาบทความ สายดำ ของ รอย แฮร์ริส ที่ได้เขียนก็ยังมีประโยชน์อยุ่มาก  รายละเอียดแต่ละสายดูตามด้านล่างนี้

สายขาว

เป็นสายพื้นฐาน เป้าหมายคือสร้างกรอบการเรียนรู้ เพื่ออ้างอิงการเรียนรู้ในอนาคต คุณจำเป็นต้องเรียนรู้สิ่งที่คุณไม่ทราบ ให้คุณจำลองซะว่า คือ จิ๊กซอว์ ที่ต้องต่อออกไปเรื่อยๆ สายขาวจึงเปรียบเสมือนการร่างภาพที่เริ่มต้นที่ 0 ใช้แผนกราฟจะช่วยคุณได้มาก ( ผู้แปล:มีบทความเก่าแปลไว้แล้วไปหาดูนะ )
 เรียนรู้ที่จะผ่อนคลายเป็นทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่ง และสายขาวเป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะรับมัน ผมไม่ได้พูดเกินจริงเรื่องนี้มีความสำคัญมาก  มันเป็นวิธีเดียวที่จะควบคุมอีโก้ของคุณได้ โปรดจำไว้นะว่า ในลำดับขั้นนี้ยังไม่มีอะไรที่คุณคาดหวังที่จะได้หรอก และจงโฟกัสไปที่พลังของคุณ แค่เรื่องผู้แพ้และผู้ชนะ

เป้าหมายแนะนำสำหรับสายขาว

1.เรียนรู้ชื่อท่าจากตำแหน่งต่างๆ และการยึดเบสิคต่างๆให้คุ้นเคยจนไปถึงท่าการ์ดต่างๆ
2.
เรียนรู้ที่จะควบคุมความอีโก้ของคุณ ถ้าเรายอมรับในส่วนนี้ได้เราก็จะพัฒนาขึ้น ถ้าคุณยอมรับมันการฝึกของคุณก็จะดูธรรมชาติมากขึ้น
3.รับ ความรู้สึกและวัฒนธรรมของ ยูยิสสู ให้ความใส่ใจกับแรงต้านการต่อสู้บนพื้นดิน แรงต้านของฝั่งตรงข้ามและน้ำหนักของคู่ต่อสู้
4.เลือกเทคนิคอย่างใดอย่างหนึ่งและฝึกมันจนชำนาญ


สายน้ำเงิน

ครั้งหนึ่ง ผมเคยถาม Roger Gracie ใครคือนักสู้ BJJ ที่เก่งที่สุดในโลก อะไรที่ทำให้เค้าเก่ง หลังจากที่คิดเรื่องนี้และครุ่นคิดคำตอบ ผมสร้างเกมของผมเอง ผมสร้างการป้องกันที่แข็งแรง ครั้งแรกที่ผมสร้างมัน มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่ใครจะทำให้ผมตบแท๊ปแล้วออก
มันช่างสร้างความประทับใจส่วนลึกผมเหลือเกิน จากจุดนี้ทำให้ผมมุ่งมั่นในการฝึกป้องกันเป็นพิเศษ และผมจะไม่ให้นักเรียนสายน้ำเงินของผมฝึกอะไรนอกจากการป้องกัน ผมต้องการเห็นการหลบหนีจากตำแหน่งจุดสำคัญของร่างกายต่างๆอย่างง่ายดาย
อย่างที่สองคุณต้องเรียนรู้การ พาสการ์ด สำหรับผมแล้วการพาสการ์ดในแง่มุมของผมเป็นอะไรที่ยาก สำหรับ
BJJ คุณจะใช้เวลามากกับการ์ดของฝ่ายตรงข้าม  ดังนั้นคุณควรจะต้องเชี่ยวชาญมันมากกกว่าฝ่ายตรงข้าม

เป้าหมายแนะนำสำหรับสายน้ำเงิน

1.เราจะหนีอย่างไรจาก การคร่อมทางด้านบน ด้านหลัง และด้านข้าง
2.ฝึกทักษะซัก2อย่างให้ช่ำชอง สำหรับพาสการ์ด
3.แข่งอย่างน้อย1ครั้ง

สายม่วง

นี้คือสายแห่งการเคลื่อนไหวและแรงโน้มถ่วง คุณจะได้เรียนรู้การใช้แรงโน้มถ่วงตัวเองและฝั่งตรงข้ามเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการเคลื่อนไหว และการเคลื่อนไหวที่มากเกินไปจะถูกตัดออก สายม่วงนั้น ที่ดีๆก็มี แต่พวกที่เล่นอันตรายและนอกกติกาก็มี ซึ่งเหล่านักเรียนต้องเรียนรู้ Jiu-jitsoka (ผู้แปล:หาความหมายได้ในบทความเก่า) ซึ่งต้องเริ่มเรียนรู้เทคนิคป้องกันหลายๆอย่างรวมกัน
ในฐานะสายม่วงการ์ดของคุณต้องมีประสิทธิภาพมาก คุณควรคุ้นเคยกับทุกการ์ด และมีความเชี่ยวชาญอย่างใดอย่างหนึ่ง

เป้าหมายแนะนำสำหรับสายม่วง

1.สามารถโจมตีได้ 3 อย่างจากตำแหน่งการ์ด
2.ซับมิสชั่นได้ 3อย่าง จากตำแหน่ง คร่อมด้านบน ด้านข้าง และด้านหลัง
3.คุ้นเคยกับทุกสายพันธ์การ์ด

สายน้ำตาล

ถึงแม้จะยังไม่พร้อมจะเป็นมาสเตอร์ในอาร์ทนี้จริงๆน้อยคนมากที่จะมีถึงตำแหน่งนี้จึงไม่ค่อยคุ้นเคย และตอนนี้คุณจะมีการเล่นในสไตล์ของคุณและได้รับการยอมรับในสายที่ต่ำกว่า และสูงกว่าหรือทั้งหมด
สายน้ำตาลที่ดีมีความสามารถในการสอนศิลปะการสู้ได้ ในความจริงแล้ว นี้คือสิ่งที่นัก
BJJ ตระหนักว่าพวกเค้ามีความรักในการสอน และเริ่มตัดสินใจในการสอนและฝึกเป็นอาชีพ นอกจากนี้เป็นสิ่งที่ดีที่เค้าจะรวบรวมความรู้ แล้วมาถ่ายทอดต่อนะจุดนี้
สายน้ำตาลอันที่จริงคือปีศาจจากการตำแหน่งด้านบน ในการคร่อมด้านบนและด้านข้างพวกเค้าจะรู้ดีในการใช้น้ำหนักตัวให้เกิดประโยชน์ พวกเค้าพาสการ์ดได้แม้จะมีความกว้างเพียงช่องหน้าต่างเล็กๆและควบคุมความสมดุลในการสวีฟได้
ในขั้นตอนนี้ นอกจากนี้เค้ายังพัฒนาการเคาเตอร์เกือบทุกเทคนิค ซึ่งหมายความว่าเค้าใช้เพียง1-2 สเต็ป ซึ่งสายต่ำกว่านี้ใช้มากกว่า
นอกจากนี้พวกเค้ายังมีเทคนิคที่พัฒนาในแบบพวกเค้าเอง มันเข้าใจมากขึ้นและใช้งานได้ดีขึ้น

เป้าหมายแนะนำสำหรับสายน้ำตาล

1.ลองไปสอนที่อื่นบ้างที่ไม่ใช่ชั้นเรียนเดิมของคุณ
2.ฝึกกระจายน้ำหนักที่สมบูรณ์แบบและฝึกความสมดุล
3.ฝึกการเคาเตอร์

สายดำ

สายดำเป็นสายที่แท้จริงของเหล่าเกรปเปอร์ พวกเค้าจะมีความรู้เกี่ยวกับร่างกายมากขึ้น ทั้งความคิดและข้อจำกัดร่างกาย พวกเค้าจะอ่อนน้อมถ่อมตนและเป็นมิตรและเคารพคนรอบข้าง พวกเค้าเป็นคนที่มีประสิทธิภาพสูงในการต่อสู้ แต่พวกเค้ามักใช้ทักษะและความสามารถของเขาในการปกป้องคนที่อ่อนแอกว่า
สายดำมันทำให้เราเกิดมุมมองใหม่ พวกจะฝึกเคลื่อนไหวพื้นฐานเป็นพันๆครั้งและยังตระหนักได้ว่ามันยังแก้ไขได้
สายดำจะไม่เน้นการเคลื่อนไหว โดยจะเคลื่อนไหวเล็กน้อยแต่สวยงาม และที่สำคัญกว่านั้น พวกเค้ายังรู้ด้วยว่าจังหวะไหนควรเคลื่อนไหวและไม่ควรเคลื่อนไหว ยูยิสสู ของเค้าจึงมีประสิทธิภาพแล้วดูดีในสายตาคนทั่วไป

เป้าหมายแนะนำสำหรับสายดำ

ศึกษาเพิ่มเติมและรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนและยังคงเรียนรู้และเจริญเติบโต

สายแดง

ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องซีเรียสครับ


แหล่งที่มาhttp://www.jiujitsubrotherhood.com/2015/02/brazilian-jiu-jitsu-belt-system/

วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2558

นี้คือ4เหตุผลทำไมบรูซลี ถึงเป็นแรงบันดาลใจในศิลปะการต่อสู้

ผู้เขียน evolve-mma        แปลมั่ว Antimage

มีใครในนี้ไหมครับที่ไม่รู้จัก บรูซลี คนนี้ไม่ได้เป็นแค่นักดนตรีหรือนักร้องนะ เค้าได้รับการพิจารณาเป็นบุคคลสำคัญ น้อยคนนักที่เป็นนักแสดงศิลปินที่นิยมชมชอบศิลปะการต่อสู้ บรูซลีเป็นหนึ่งในนั้นที่แสดงผ่านออกมาจากศิลปะการต่อสู้ กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก และเป็นไอดอลสำหรับคนในช่วงยุคนั้น ยุค 60และ 70 วันนี้กว่า 40 ปีแล้ว เขายังคงเป็นแรงบันดาลใจในกับคนทั่วโลก
จากเด็กน้อยที่มาตามหาฝันจากฮ่องกง จนมาเป็นนักศิลปะการต่อสู้ยอดนิยม และนี้คือ 4เหตุผลทำไมบรูซลี ถึงเป็นแรงบันดาลใจในศิลปะการต่อสู้ (ผู้แปล:ทำเสียงแอคโค่)



1.เพราะเค้าเป็นแรงบันดาลใจสำหรับทุกคน
เป็นที่รู้กันดีว่า บรูซลีนั้นเป็นแรงบันดาลใจหลายๆคนที่เป็นนักศิลปะการต่อสู้ รวมถึงเหล่านักมวยในตำนานและ
MMA อย่าง ปาเกียว ซูการ์เรย์ ลีโอนาด ไมค์ไทสัน จีเอสพี และคนอื่นๆ แม้แต่ประธาน ไดน่า ไวท์ แห่งUFCก็ ได้บรูซลี เป็นแรงบัลดาลใจในการผลักดันกีฬานี้จนเติบโตเร็วที่สุดในโลก หลายคนเรียกเค้าว่า บิดาแห่งการต่อสู้แบบผสมผสาน
แต่อย่างไรก็ตาม บรูซลี ก็ไม่ได้เป็นแค่แรงบันดาลใจในการฝึกศิลปะการต่อสู้อย่างเดียวเท่านั้น ไลฟ์สไตล์และคำสอนของเค้ายังเป็นแรงบันดาลใจของพวกนักกีฬาที่มีชื่อเสียง นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ นักการเมือง อีกด้วย และหากนี่ไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ผมก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วล่ะ

2.เพราะเค้าเป็นแรงบันดาลใจสำหรับคนที่ออกกำลังกายเชิงกายภาพ



"ตั้งแต่เด็กแล้วผมมีสัญชาตญาณในการกระตุ้นตัวเองในการผลักดันตัวเองให้เติบโต เราต้องสร้างระบบและต้องปฎิบัติอยู่ตลอดเวลา แต่ที่สำคัญกว่านั้นมนุษย์ที่พัฒนาได้อย่างมีคุณภาพคือต้องจริงใจและซื่อสัตย์กับศักยภาพของตนเอง


บรูซลีไม่ได้แค่เป็นที่ยอมรับในฐานะนักศิลปะการต่อสู้แต่เป็นนักออกกำลายกายที่มีความรู้ขั้นสูงด้วย ในช่วงที่เค้าอยู่คนเดียวเค้าจะเปลี่ยนแปลงพื้นที่รอบตัวเค้าเป็นที่พัฒนากล้ามเนื้อ ณ ช่วงเวลานั้น เป็นการสร้างแรงบันดาลใจสำหรับนักกีฬาเพาะกายและหลายต่อหลายคนก็นำวิธีเค้าไปฝึก และเค้ายังดันพื้นด้วยมือเดียวและใช้สองนิ้วในการผลัก และ และยังยกบาร์เบลที่หนัก 125 ปอนด์ ได้อีกหลายวินาที บรูซลี เหมือนซุปเปอร์แมนที่มีชีวิต และสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจคือเค้าฝึกหนักกว่ากล้ามเนื้อที่เค้าจะรับไหว พูดขนาดนี้คงไม่เชื่อ อย่าลืมซิกแพคที่ไร้ที่ติของเค้าล่ะ


3.เพราะเค้าไม่เชื่อในเรื่องขีดจำกัด





คุณมักจะใส่ข้อจำกัดให้ตัวคุณ ไม่ว่าจะเรื่องทางกายภาพหรือเรื่องอื่นๆ และมันจะแพร่กระจายเข้ามาในชีวิตคุณ ไม่มีข้อจำกัด มันเป็นดั่งพื้นที่ราบ และคุณจะต้องไม่อยู่ ณ ที่นั้นคุณต้องไปให้ไกลกว่า  


เมื่อตอนที่เติบโตในฮ่องกง บรูซลีให้ถูกสอนศิลปะป้องกันตัวแบบดั้งเดิม และในเวลานั้นมันก็ขัดกับคำสอนแบบดั้งเดิมของศิลปะการต่อสู้ แต่อย่างไรก็ตาม เค้าก็ไม่เคยให้อะไรมาจำกัดเค้าได้ เค้าจึงได้คิดค้น จิทคุนโด เป็นการต่อสู้ที่ ไฮบริดมากขึ้น และสไตล์การต่อสู้ยังแฝงไปด้วยปรัชญาและปราศจากข้อจำกัด หลายความสำเร็จของ เค้าก็ได้มาจากการทลายข้อจำกัดในฐานะผู้ก่อตั้ง จิทคุนโด และเค้าก็เป็นคนหนึ่งที่มีผู้เคารพนับถือมากที่สุดคนหนึ่ง และเค้าใช้เวลาทำช่วงทั้งหมดนี้ ที่จีนในช่วงซบเซา โดยฝึกกับคนรับใช้ในบ้านและกรรมกรสร้างรถไฟ


4.เพราะเค้าไม่เคยหยุดปรับปรุงตัวเอง



วันนี้ผมไม่กล้าที่จะบอกว่าผมได้มาถึงสถานะของความสำเร็จแล้ว เพราะผมยังคงเรียนรู้สำหรับการเรียนรู้ที่ไม่มีสิ้นสุด

มันเป็นความลับของบรูซลี ในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่และหายใจเข้าออกเป็นศิลปะการต่อสู้ เพื่อนหลายคนบอกว่าเค้านั้นหมกมุ่นอยู่กับความสมบูรณ์แบบ เค้าจะนั้งทำท่า สพิป และ ซิทอัพ หน้าทีวี หรือ ยกดัมเบลขณะอ่านนิตยสารออกกำลังกายล่าสุด เค้าไม่เคยหยุดที่จะอัพเกรดตัวเอง อุทิศตนเองเพื่อพัฒนา ทุกลมหายใจเค้าและนี้ก็เป็นอีกหนึ่งที่เราสร้างแรงบันดาลใจได้จากเค้า

ไม่มีใครปฎิเสธว่าวิธีการของบรูซลีดีที่สุดหรือไม่ อุดมการณ์และปรัชญาของเขาก้าวข้ามศิลปะการต่อสู้ เชื้อชาติ เพศ และวัฒนธรรม เขามีและจะเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเราทุกคน!

แหล่งที่มา http://evolve-mma.com/blog/4-reasons-bruce-lee-inspirational-martial-artist/

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2558

พอดีและยืดหยุ่น 7 สไตล์ โยคะ ยอดนิยม


ผู้เขียน Shannon Clark   แปลมั่วโดย Antimage



อย่ากลัวไปเองขณะคุณอยู่บนเสื่อโยคะ เพิ่มโยคะคุณเข้าไปในตารางออกกำลังกาย เพื่อสร้างความยืดหยุ่นและสุขภาพของคุณตั้งแต่วันนี้เถอะ เลือกโยคะร้อน หรืออะไรก็ได้ตามสไตล์ที่คุณชอบได้เลยยย
(ความในใจผู้แปล: ครั้งแรกที่แปลบทความโยคะ และก็ดูเป็นผู้หญิงจ๋ามากๆ ผมหวังว่ามันจะตอบสนองความต้องของลูกเพจนะครับ อาจดูไกลตัวสำหรับผู้ชาย แต่ผมมองว่าสำคัญ ช่วงหลังผมเริ่มมองหาคลาส โยคะบ้างแล้ว การที่มีร่างกายยืดหยุ่นก็ช่วยในเรื่อง BJJ นะครับ เอาเป็นว่าลองปูพื้นดูก่อนถ้าชอบกันค่อยขยายผลต่อไปครับ ^^)
โยคะคือความเร่าร้อนและเป็นเหตุผลที่ดี ที่จะฝึก คุณจะได้เห็นหญิงชราตัวเล็กๆ ที่คลุมผ้าทั้งตัวตั้งแต่เท้ายันหัว ดิชั้นรู้สึกประทับใจเล็กๆ คุณพร้อมที่จะเป็นสนุกไปกับมันรึยัง !! แต่ถ้าคุณยังรู้สึกกลัวอยู่ ที่ ชั้นต้องใส่กางเกงโยคะ?” เป็นการบ่นใส่อาจารย์ที่สอนชั้นทำท่า headstand ตั้งแต่วันแรกเลย Namaste คือท่าห่า..อะไรค่ะ คุณยังไม่ต้องรีบกังวลมากไปกับพวกท่าฮาร์ดคอร์ดบนเสื่อ ผู้ชาย ผู้หญิง มือโปร ก็ได้ลองกระโดดลงมาเล่นโยคะ โยคะมีหลายแบบนะสำหรับผู้คิดจะเริ่มเล่น และผู้เชี่ยวชาญและทุกคนต่างได้รับประโยชน์จากการฝึกศาสตร์โบราณเหล่านี้ แม้ว่ารูปแบบของโยคะจะละม้ายคล้ายกัน แต่จุดสำคัญคือช่วยยืดเหยียดกล้ามเนื้อเคลื่อนไหวการรับรู้ตัวเอง ฝึกสมาธิและสุขภาพจิตแตกต่างตามแนวทางของมัน หากคุณไม่แน่ใจว่ารูปแบบไหนเหมาะสมสำหรับคุณ นี้เป็นการช่วยเหลือบางส่วน ลองพยายามค้นหาดู แค่ลองไปเล่นมันดูจะช่วยได้เยอะเลยค่ะ

Hatha
Hatha yoga เป็นดั่งร่มที่หมายถึงจำนวนสาขาที่แตกต่างกันไปทั่งหมดนี้คือเตรียมมุ่งเน้นไปที่พื้นฐาน ร่างกายและสมาธิ มันจะมุ่งเน้นไปที่การกำหนดการหายใจและลดความเครียดกล้ามเนื้อและสร้างความสมดุลในกับจิตใจและร่างกายมากขึ้น Hatha yoga นั้นเป็นแม่แบบของโยคะทั้งหมด มันเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับผู้เริ่มเล่น และให้ความสำคัญกับการหายใจ การเรียนรู้ในการจัดท่าทาง มันเป็นสื่อกลางในการช่วยปฏิบัติให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และสมบูรณ์แบบ และทำให้การจัดท่าทางเค้าถูกต้องในระยะยาว   ถ้าคุณเป็นพวกออกกำลังกายหนักเป็นประจำ Hatha yoga ยังจะช่วยเพิ่มสมรรถนะในร่างกายคุณอีกทางหนึ่งด้วย ผ่อนคลายและยืดหยุ่นเพื่อรับทักษะใหม่ๆ
Ashtanga
คุณกำลังอยากลดการฝึกเป็นคู่เพื่อหาประสบการณ์ใหม่ๆใช่ไม๊! หนึ่งในรูปแบบที่เข้มข้นที่สุดของโยคะ Ashtanga ยังสามารถใช้ทดแทนวันที่คุณฝึกความแข็งแรงได้ ถ้าคุณต้องการความท้าทายใหม่ๆ รูปแบบนี้ถูกสร้างขึ้นจากชุดของหกลำดับท่าที่แตกต่างกัน เป็นโยคะระหว่างกลางที่มีการเคลื่อนไหวแบบรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงและการหายใจที่รวดเร็ว เป็นอีกหนึ่งความท้าทาย ในการออกกำลังหัวใจและหลอดเลือดของคุณ ซึ่งแตกต่างจากโยคะอื่นๆที่จะเน้นที่ความผ่อนคลาย โดยชุดนี้จะเน้นการออกกำลังกาย ถ้าคุณคิดจะลดน้ำหนัก ตัวนี้ช่วยคุณได้มาก


Bikram
เตรียมใจรับความร้อนและเปิดขวดน้ำไว้เลยกับ
Bikram เราเรียกมันว่าโยคะร้อน เราจะฝึกอยู่ในสตูดิโอที่มีอุณหภูมิ 40.6 องศาเซลเซียส หรือ 105 องศาฟาเรนไฮต์ มันร้อนจริงๆในช่วง 90 นาทีแรก โยคะที่มีการเคลื่อนไหว 26 ท่าและฝึกการหายใจร่วมด้วย และคุณจะได้รับการเผาพลาญที่เต็มเปี่ยม ผู้ที่ฝึกโยคะนี้ จะได้เพลิดเพลินกับการเผาผลาญ แคลลอรี่ อุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้ร่างกายยืดหยุ่นได้มากขึ้นด้วย ความร้อนยังช่วยล้างพิษในร่างกายของคุณผ่านทางเหงื่อ แล้วคุณจะงงว่าเหงื่อมันอออกมามากมายอะไรขนาดนี้ ถ้าคุณฝึกโยคะประเภทนี้บ่อยๆ คุณจะพร้อมสำหรับฝึกร่างกายหนักๆ
Iyengar
เมื่อยและปวดมาใช่ป่ะ
!? โยคะประเภทนี้เป็นโยคะฟื้นฟูร่างกาย เน้นการรักษาและปรับเปลี่ยนท่าเพื่อความสมดุล รูปแบบนี้จะใช้จำนวนของอุปกรณ์ เช่น อุปกรณ์ที่ทำจากไม้ เข็มขัดและเชือกเพื่อเพิ่มความหลากหลายและความแม่นยำในการเคลื่อนไหว โยคะสไตล์นี้ส่วนหนึ่งมาจาก Ashtanga แล้วนำมารวมกันสร้างความแตกต่างของ Asanas หรือการเคลื่อนไหว
นอกเหนือจากความหลากหลาย รูปแบบโยคะนี้ยังเหมาะสำหรับคนที่ฟื้นฟูจากความบาดเจ็บ อุปกรณ์พวกนี้ช่วยควบคุมการเคลื่อนไหว และลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ หมายถึงการควบคุมทั้งจิตใจและร่างกาย โยคะชนิดนี้ดีทั้งมือใหม่และขั้นสูง
Power
ในชาวตันตก  โยคะแบบพลังงาน เป็นการฝึกโยคะแบบวินยาสะ มันส่วนคล้าย
Ashtanga แต่มันลดลงจากแบบดั้งเดิมมาก ส่วนมากโรงยิมใกล้ๆมักมีโยคะแบบนี้ ซึ่งกำหนดมาโดยมีแนวโน้มให้คล้ายโยคะร้อน
โยคะนี้โฟกัสไปที่ความแข็งแรง จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนากล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญในร่างกายคุณ แม้ว่ามันจะทดแทนการฝึกแบบไม่ใส่น้ำหนัก แต่ร่างกายก็จะรู้สึกถึงความสดใหม่ นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่บาดเจ็บและไม่มีเวลาเข้าโรงยิมอีกด้วย
Yin
สำหรับคนที่มีความเครียดในชีวิตประจำวัน หรือเจ็บปวดเรื้อรัง เป็นตัวแปรที่เหมาะมาก จะมุ่งเน้นความผ่อนคลายมากกว่าการสร้างความแข้งแกร่งของกล้ามเนื้อ รูปแบบจะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของข้อต่ออย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดความหนาแน่นของกล้ามเนื้อและการปวดข้อ หากคุณประสบปัญหานี้อยู่การฝึกนี้ช่วยคุณได้ การฝึกนี้ยังมีการเน้นรูปแบบความคิด เพราะคุณสามารถทำที่ไหนก็ได้ใช้เวลา5-20นาที การโพสต์ท่านานจะรู้สึกผ่อนคลาย แต่จะไม่ดีสำหรับช่วงเริ่มต้นของการหายใจ

Prenatal Yoga
เช่นเดียวกับชื่อมันเลย  โยคะก่อนคลอดสำหรับคุณแม่ สไตล์นี้ถูกปรับจากรูปแบบดั้งเดิม มันทั้งอ่อนโยนและเหมาะสำหรับการพัฒนาการแม่และเด็ก ขอแนะนำที่ 30 นาทีต่อวันเพื่อที่จะได้ไม่หักโหมเกินไป และต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์โดยเฉพาะการออกกำลังไม่ใช่เพียงแต่ให้คุณแม่สุขภาพดี ยังช่วยให้คุณแม่นั้นลดความไม่สบายขณะตั้งครรภ์ เช่นอาการปวดหลังเมื่อยล้า ความเครียดได้
 
การฝึกโยคะเป็นตัวเลือกที่ดีในการออกกำลังและแอโรบิคและยังฝึกความแข็งแกร่งอีกด้วย


แหล่งที่มา
http://www.bodybuilding.com/fun/fit-and-flexible-7-popular-yoga-styles.html

วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

3 หนทางป้องกันนิ้วมือของคุณเมื่อเล่น BJJ และ ยูโด

ผู้เขียน Matt D’Aquino  แปล(มั่ว) Antimage





ผมได้อ่านบนเว็บไซต์ BJJEE หลายต่อหลายคนสงสัยว่า แชมป์เปี้ยน BJJ ระดับโลก อย่าง คีแนนส์ คอร์นีเลีย มีการป้องกันนิ้วไม่ให้ได้รับการบาดเจ็บอย่างไร เขาบอกว่าตอนที่อายุย่างเข้า 22 การคล่องตัวในการเคลื่อนไหวนิ้วมือนั้นหายไปแล้ว 20 เปอร์เซ็นต์ ถ้าคุณได้ดูรูปด้านบน จะเห็นได้ว่านักยูโดและนักBJJ จะได้รับความเสียหายและบาดเจ็บและนี้เป็นข้อบ่งชี้ ว่าคุณควรให้ความสำคัญกับมือคุณ ในบทความนี้ผมได้แบ่งปัน 3 วิธีในการดูแลมือคุณ โดยการทำทั้ง 3 อย่างนี้มันจะสามารถปกป้องนิ้วคุณและทำให้คุณเพลิดเพลินในสายอาชีพนี้ได้อีกตราบนานเท่านาน

1.พันเทปที่นิ้วของคุณ
นี้เป็นวิธีที่ง่ายมากในการปกป้องนิ้วคุณ โอเค แพงหน่อยแต่ก็คุ้ม
!! อ่ะ..ผมมีวิดิโอให้ดูมันเป็นวิธีที่รวดเร็วและง่าย ลองไปดูกันครับ
  

แต่ถ้าปลายนิ้วคุณได้รับบาดเจ็บ (ผู้แปล: ได้เลือด) ลองพันเทปตามผมดู แต่เตือนก่อนนะตอนนั้นผมผอมเป็นช่วงมีการแข่งขัน ไม่อยากจะเชื่อตอนนั้นผมหนัก -60 กิโลกรัม (ผู้แปล: เป็นห่วงภาพพจน์ตัวเองน่าดู)




2.หลีกเลี้ยงการจับกริปคู่ต่อสู้และสไปเดอร์การ์ดเท่าที่เป็นไปได้
การที่ทั้งเราและคู่ต่อสู้พยายามกระชากและเล่นสไปเดอร์การ์ด จะสร้างความบาดเจ็บสะสมในมือมาก ดังจึงควรหลีกเลี่ยงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่น่าเสียดายมันเป็นส่วนหนึ่งในศิลปะการต่อสู้สไตล์นี้ ดังนั้นคุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ทั้งหมด แต่มีอย่างหนึ่งที่คุณพอทำได้คือ คลายมือบ้างเวลากริป ถ้าฝ่ายตรงข้ามพยายามทำลายกริปคุณ คุณจะได้รับความเจ็บปวดเล็กน้อยถ้าคุณไม่พยายามยื้อ
ถ้าคุณชอบเล่น สไปเดอร์การ์ด และยึดมั่นการกำ ลองพยายามจับข้อมือด้านในของฝั่งตรงข้ามเอา การจับข้อมืออาจดูแข็งเกินไป แต่มันก็ดีกว่ามากถ้าคำนึงถึงนิ้วของคุณ

3.การยืดเหยียดนิ้วของคุณ
ใช่คุณต้องยืดนิ้วของคุณ นิ้วมีทั้งกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นจึงควรยืดอยู่สม่ำเสมอ หลายต่อหลายที่เราตั้งโฟกัสที่แขนท่อนปลายแต่ไม่ให้ความสำคัญนิ้วมือ ดังนั้นควรเริ่มยืดนิ้วซะ และนี้คือวิดิโอที่ยืดเหยียดนิ้วที่ดีที่สุดของพวกนักดนตรี ลองไปดูกันนะครับ



ถ้าถูกใจและชื่นชอบบทความนี้ กดแสดงความเห็นได้นะครับขอบคุณครับ  

แหล่งที่มา http://www.bjjee.com/articles/3-ways-to-protect-your-fingers-when-doing-bjj-and-judo/

วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558

8 ขั้นตอนการเลือก ชุดBJJ ให้เหมาะสมกับคุณ


ผู้เขียน   ผู้แปล(มั่ว) Antimage

เมื่อ BJJ ได้เข้ามาเป็นที่นิยมใน อเมริกาและอังกฤษ พวกเขาไม่นิยม ซื้อของพวกนี้ผ่านระบบออนไลน์ บางคนก็ซื้อกลับมาจากนู่นนนเลย บราซิล!! (ผู้แปล:ส่วนคนไทยซื้อมาจากอีเบย์ - -“) พวกเขาจะเลือกอยู่สองอย่าง อย่างแรกคือ สี  อย่างที่สองคือ การเย็บ

ต้องขอบคุณอย่างมากในช่วงปีหลังมานี้การมีอินเตอร์เน็ตทำให้การซื้อของพวกนี้ง่ายขึ้น แต่ตอนนี้คนก็เถียงกันอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น ว่า ชุด
BJJ ที่สมบูรณ์แบบมีอะไรบ้าง






อ่านต่อด้านล่างได้เลยครับ
อย่างแรกคุณต้องเข้าใจก่อนว่าอะไรไม่ใช่ ชุด Gi ที่เฟอร์เพค มันไม่สำคัญกับในประเด็นที่คุณถกเถียงกันในฟอรั่ม(ผู้แปล:ตอนที่คิดจะทำบทความนี้เพื่อจะไปเหน็บคนในกลุ่ม ช่ะ!! เหมือนพี่ไทยเลยเนอะ!ออกเป็นคลิป) อย่าพึ่งรีบกลัวไปเหล่าหนุ่มๆนักปล้ำ ยังมีวิธีเลือก Gi ที่สมบูรณ์แบบรออยู่
สำหรับผมแล้วการเลือก Gi มีปัจจัยเลือกอยู่ สาม อย่าง ยี่ห้อ การตัด และดีไซร์ ส่วนตัวผมจะให้ความสำคัญกับยี่ห้อ และผมต้องการ Gi ที่ใส่พอดีตัว และผมจะมีความสุขมากถ้า Gi มันออกแบบมาอย่างหรูหรา และ หนาๆ คุณจะคาดเดาว่าคนส่วนใหญ่ชอบ Gi ที่ คงทน กระชากกันอย่างเมามัน (ยี่ห้อScramble และ Bull Terrier) ในความเป็นจริง ผมชื่นชอบพวกเค้ามากๆในการทำแบรนด์ของตัวเอง แต่ผมว่าลองใช้อินเตอร์เน็ตช่วยค้นหาหน่อยดีกว่า


ที่กล่าวมานี้มันอาจจะใช่หรือไม่ใช่ปัจจัยสำคัญของคุณ บางทีคุณอาจจะกังวลว่าชุดมันจะไหวไม๊!!ถ้าซ้อม 10-14 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือจุดขายหลักของคุณคือการออกแบบและความหายากของมัน และนี่คือรายการที่จะทำให้คุณตัดสินใจง่ายขึ้น 8 ขั้นตอนการเลือก ชุดBJJ ให้เหมาะสมกับคุณ


1.การตัด/ความกระชับในความคิดของผมการตัดและความเข้ารูปของGi เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการเพลิดเพลินกับการสวมใส่มัน ผมเคยมีปัญหาที่ Gi ด้านหลังที่แน่นเกินไป และเป้าก็ตึงเกินไป ฟังดูมันน่าหัวเราะ แต่คุณจะพูดไม่ออกจริงๆตอนคุณเล่นการ์ดหรือพาสแล้วทำอะไรได้ไม่เต็มที่ และบางทีแขนเสื้อก็สั้นเกินไป

คุณต้องถามตัวเองว่าชอบแบบไหน สำหรับผมความยาวและความกว้างของช่วงแขนสำคัญ เพราะผมชอบเล่นท่า Ezekiel chokes บางคนอาจไม่ชอบเพราะกติกาบางที่เข้าห้ามเล่นท่านี้ ผมชอบชายเสื้อยาวๆ เพื่อจะทำท่า certain chokes แต่ก็ยังไม่เหมาะกับพวกสายขาวที่กำลังฝึก ผมก็ไม่เอาเสื้อสั้นๆไปพันพวก worm guard  หรอกเสียเวลา

ทุกยี่ห้อจะมีการตัดแบบมีเอกลักษณ์และลิขสิทธิ์ เพื่อให้แน่ใจของหาข้อมูลเพิ่มเติมจากสิ่งนั้นด้วย เพื่อความชัวร์ อย่าเพียงแค่คิดว่าใครบอกว่าดีก็ตามเค้ามันขึ้นกับน้ำหนักและส่วนสูงด้วย พวกนี้บางทีก็เป็นความรู้สึกส่วนบุคคลนะ มันอาจจะดูเจ๋งแต่ถ้ามันไม่เข้ารูปกับคุณ คุณก็ไม่อยากจะใส่มัน


2.การออกแบบเอาละเพื่อที่จะได้เป็นเจ้าของมัน ผมได้ลองใช่ Gi ยี่ห้อ TON มันพอดีอย่างน่าประหลาดและเหมาะกับผมมาก ผมว่าพวกเค้าดูน่ากลัวและผมก็ยังเป็นแฟนตัวยงของเค้าเลยนะทั้งการเย็บและความหนา มันเหมาะกับผมมาก
แล้วคุณล่ะชอบอะไร? คุณชอบ Gi ธรรมดา ?ไม่ชอบใส่ซ้ำแบบใคร? กับแบรนด์ใหม่มากมายที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด พิจารณาสิ่งที่คุณคิดว่าจะสวมใส่อย่างรอบครอบนะ ผมมีเพื่อนที่ผ่านการซื้อชุดมากมายสุดท้ายก็มาลงเอยที่ชุดธรรมดา และคนอื่น เริ่มให้ความสำคัญในโฆษณาทั้งรถเคลื่อนทั้งป้ายบิวบอร์ดเพื่อรับฟังในโฆษณาเหล่านั้น

3.ยี่ห้อ
ที่จริง ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ให้ความสำคัญ แต่ผมคิดว่ามันเป็นหนึ่งในส่วนที่สำคัญที่สุดของการเลือกชุด Gi
ถ้ายี่ห้อที่คุณเลือกไม่ได้ให้ความสำคัญกับกีฬา คุณจะเลือกซื้อยี่ห้อนี้ไม๊? ผมโชคดีจริงที่ได้ร่วมงานกับ GiReveiw.Net และ Ok! Kimonos ที่ทำให้ผมได้เจอและสร้างความสัมพันธ์กับเจ้าของแบรนด์ต่างๆ เป็นเจ้าของกิจการที่ใส่ใจกับกีฬาอย่างจริงจังและตอบสนองได้อย่างแท้จริง
ผมไม่รู้ว่ามันเจ๋งขนาดไหน ไนกี้ เทรนนิ่งให้ฟรี ผมเคยยิงคำถามไปนะ อีกวันหนึ่งก็ได้รับการตอบกลับ แต่ผมแน่ใจว่าน้อยนักที่จะมีคนตอบสนองต่อหนึ่งข้อความเดียว
ที่ผมได้รับในทุกช่องทางสื่อสังคมของเรา


4.ความสบาย
คุณชอบชุด ที่แข็งเป็นกระดาษทรายรึอ่อนนุ่มล่ะ
? ผมรักมากๆเลยชุดที่อ่อนนุ่มและมันนุ่มอย่างไม่น่าเชื่อตอนที่ผมฝึก แหละนี้เป็นเหตุผลที่ผมดูการทอเป็นพิเศษ แต่เวลาแข่งผมก็ดูชุดอีกแบบหนึ่งนะ เชื่อดิคุณต้องหาถามไปทั่วแน่ว่าชุดอะไรที่ใส่แข่งแล้วชนะ ถ้าคุณรู้จักผมเป็นการส่วนตัวก็ต้องถามผมแน่นอนเชื่อสิ!!

 5.ความทนทาน
ไม่ว่าคุณต้องการ Gi ที่มีความหนักทนทานหรือเบาทนทาน ถ้าคุณเลือกมาดีมันก็จะอยู่กับคุณตราบนานเท่านาน ผมใช่น้ำหนักเป็นปัจจัยในเกณฑ์นี้เพราะ โดยทั่วไปจะหนาหรือหนักในแง่ของแจ็คเก็ตและกางเกง แต่ในแง่ของ ชุด BJJ ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวของมันเอง ถ้าเป้าหมายในการซื้อ Gi ใหม่ของคุณ เพื่อการแข่งขัน ก็อย่าลืมดูน้ำหนักของมันด้วย คุณจะต้องดู Gi ที่มีน้ำหนักเบา ชุดประมาณ 450 แกรม กางเกงก็ประมาณ 10 แกรม หรือต่ำกว่านั้น แต่ถ้าคุณต้องการ Gi ที่มีความทนทานมากๆ คุณควรพิจารณา Gi หนัก ชุดประมาณ 550 แกรม ส่วนกางเกง12 แกรม หรือมากกว่านั้น


6.ความหายาก
คุณยินดีที่จะจ่ายมากขึ้นหรือป่าว เพื่อครอบครอง ชุดที่คนอื่นเค้าไม่มี? คุณต้องการ Gi หายากจากประเทศอื่นรึป่าว? ผมชอบที่จะแตกต่างกับคนอื่นนะ ผมฝึกขอบคุณตัวเองที่ได้เป็นเจ้าของที่คนอื่นเค้าไม่มี มี อยู่ชุดหนึ่งที่ผมชอบมากได้มาจาก ญี่ปุ่นคือ Alma gis และอีก สองชุด คือ  Full Metal Jiu Jitsu and MVNT อันนี้ได้มาจากออสเตรเลีย ผมไม่เคยเห็นใครรอบตัวผมใส่เลย ถ้าคุณไม่แคร์ คุณก็ตัดประเด็นนี้ไปได้เลย



7.สถานะของสินค้า
เวลาคุณซื้อชุด คุณอยากได้เลยหรือว่าต้องสั่งล่วงหน้าล่ะ หรือคุณต้องสั่งจากต่างประเทศ ผมรู้หลายคนไม่ชอบให้สั่งซื้อ ชุดBJJ ล่วงหน้า หนึ่งในข้อดีของการซื้อแบบสั่งล่วงหน้าคือ คุณหาได้เลยที่ ดูได้หลายแบรนด์ และไม่ต้องใช้เวลาทั้งวันในการเดินหา เพียงนั่งรอที่บ้าน ประมาณ 8 วันก็ได้รับของแล้ว



8.วัตถุดิบ 
วัสดุของตัวเสื้อ (ทอง/มุก/หรือ สานแบบอื่นๆ) มีความแตกต่างกันไป ส่วนกางเกงก็เหมือนกัน (ผ้าฝ้าย/โพลี/และอื่นๆ) มันไม่แปลกถ้าคุณจะไม่รู้ว่า เย็บตะเข็บเดี่ยว ตะเข็บคู่  เย็บแบบRiptop เย็บแบบทอง เย็บแบบแพลตินั่ม แบบยูนิคอร์น แบบพิซซ่าซูพรีม หรือแบบสานตะกร้า แต่น่าเสียดายที่บริษัทเหล่านี้ไม่ได้ออกมาพูดอะไรเพราะเป็นเรื่องของกรรมสิทธิ์ในการออกแบบสานของพวกเค้า
การเย็บที่นิยมในปัจจุบัน มีดังนี้

-เย็บแบบไข่มุก เป็นการเย็บที่มุ่งเน้นไปในด้านการแข่งขัน ความต้องใน
Gi น้ำหนักเบานั้นเติบโตเร็วมาก หลายคนบอกว่าใส่สบายและรู้สึกนุ่มและเบาที่สุด การสานพวกนี้บริษัทที่ทำ จะสานอยู่ที่ 450-500 แกรม แต่ถึงกระนั้นความทนทานก็แตกต่างกันอยู่ดี ผมเคยได้สวมชุดที่สานแบบไข่มุกนะ มีทั้งแบบที่มีน้ำหนักเบา ทั้งแบบที่ง่ายต่อการจับและยากต่อการจับ

-การเย็บแบบทอง เป็นการสานแบบดั่งเดิมมีมาตรฐานเพื่อการแข่งขัน Gi ประเภทนี้ได้ผ่านมาตรฐานทุกการแข่งขัน การเย็บแบบทองนี้จะเย็บแบบเป็นขั้นบันไดไม่ซ้ำรอยเดิม ไม่ต่างจากการสานคู่ การสานแบบนี้เป็นที่สุดของ Gi เลยก็ว่าได้ และมันก็คว้าจับลำบากมากๆเช่นกัน และนี้ก็เป็นเหตุผลที่ผมชอบมันมาก

-เย็บตะเข็บเดี่ยว การเย็บค่อนข้างสมดุล และเบากำลังดี ชุดพวกนี้ไม่ทนเท่าพวกที่สานแบบทอง มันเป็นตัวเลือกที่ดีราคาสบายกระเป๋า มันเบาและง่ายต่อการจับ มันเลยมุ่งเน้นในการทำลายและคล่องตัวในการหนี

-เย็บตะเข็บคู่ การเย็บแบบนี้มันการฝังพิษไว้ในกับฝ่ายตรงข้าม ถ้าคุณพยายามเล่นการ์ดแมงมุมกับฝ่ายตรงข้าม ลองใส่แบบนี้ดู ชุดแบบนี้มันมักจะขูดนิ้วฝั่งตรงข้าม มันสร้างความแขยงนิ้วกับคู่ต่อสู้ได้ผลมากทีเดียว

แต่ชุดมันก็หนามากหายใจลำบาก สำหรับคนใส่ชุดหนักๆทราบกันดี เมื่อคุณใส่ชุดตะเข็บคู่ ผมจะพยายามหาวิธีชนะด้วยวิธีอื่นที่ไม่ใช่การจับ
การเคลื่อนที่ไปรอบๆจะยากลำบากซักหน่อย (ผู้แปล:ถ้าคุณชอบสร้างความเจ็บปวดกับผู้อื่นและคุณนั้นอยู่ในทวีปแอนตาร์กติกา Gi นี้เหมาะกับคุณชัวร์)

-เย็บแบบ Ripstop มันเป็นตัวเลือกที่ดีนะสำหรับพวกที่ฝึกอยู่ในทวีปเส้นศูนย์สูตร หรือ แท๊กซัส หรือฝึกที่สถานที่อากาศร้อน เป็นชุดที่โคตรเบา ชุดนี้ออกแบบมาเพื่อไม่ให้ฉีกขาดแบบเปเปอร์ริช ผมต้องการเห็น Gi เหล่านี้ในตลาดให้มากกว่านี้นะเพราะมันหายากซะเหลือเกิน

ผู้แปล:ลองเข้าไปอ่านหารีวิวได้ที่สองเว็ปนี้นะครับOkKimonosBlog.com. www.OkKimonos.com.






แหล่งที่มา http://www.jiujitsubrotherhood.com/2014/07/8-steps-to-finding-the-perfect-bjj-gi/